Customer Reviews

Handsome Cowboy กำราบหัวใจจอมพยศ (ชุด U prince) (Hideko_Sunshine)
4
โดย: มนต์มนัส วันที่เขียนรีวิว: 21 ธันวาคม พ.ศ. 2556

กรี๊ดพี่สิบทิศ จากHandsome Cowboy กำราบหัวใจจอมพยศ ผลงานของนักเขียนในดวงใจของเรา Hideko_Sunshine จากโปรเจ็กต์ U –Prince หนุ่มฮอตจากคณะเกษตรศาสตร์แสนร้อนแรงคนนี้ทำเอาอยากสยบเลยล่ะ “พริกแกง”สาวสวยจอมแสบคนนี้ทำเอาพี่สิบทิศอยากกำราบให้อยู่มือเพราะไม่มีใครเคยปฏิเสธพี่สิบทิศสักคนแต่พริกแกงทำอะนะ ดื้อแสบ ซน เหมาะกันมากๆ ในโปรเจ็กต์ U-Prince เล่มนี้เป็นอีกเล่มที่อ่านสนุกมากและเราชอบมากๆรองจากเล่ม Badass Baker เสิร์ฟรักล้นใจให้ยัยตัวแสบ เลยล่ะ พี่โอ๋เขียนออกมาไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน อ่านไปลุ้นไป บทจะหวานก็หว๊านๆ บทจะเจ็บก็เศร้าตามเลย ก็นะพี่สิบทิศไม่เคยถูกใครปฏิเสธนี่นาเลยต้องมากำราบยัยพริกแกงจอมแสบซนคนนี้ ให้อยู่มือ พี่สิบทิศมีวิธีกำราบยัยจอมแสบของเขาด้วยวิธี 5 ห คือ หึง หวง โหด ห่าม หื่น ใครไม่สยบก็ให้รู้ไป บรรยากาศไร่องุ่นโรแมนติกสุดๆ ความรักความผูกพันของพี่สิบทิศกับพริกแกงเริ่มที่นี่ทำให้พี่สิบทิศทั้งรัก ทั้งห่วง ทั้งหวง ไม่ให้ใครเข้าใกล้พริกแกงได้เลย แต่ขัดใจตรงนี้พี่สิบทิศไม่เลิกเจ้าชู้นี่สิ ไม่ยุติธรรมเลย สงสารพริกแกง แต่เรื่องราวก็สนุกมากๆมีพ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายมาคอยประณีประนอมไม่ให้พี่สิบทิศลงมือกับพริกแกงได้ง่ายๆถึงพี่สิบทิศจะร้ายแค่ไหนแต่พริกแกงมีคนปกป้องอยู่นะถือว่าเสมอกันที่พี่สิบทิศเจ้าชู้ จะว่าไปแล้วโปรเจ็กต์นี้เป็นเรื่องราวที่อ่านแบบชิลๆ สบายๆเบาสมองแต่ความสนุกยังล้นเหมือนเดิม อยากให้ทุกคนได้อ่านกันเยอะๆเรื่องนี้เราเชียร์เพราะเราชอบมาก
โลกของโอริกามิ ศิลปะการพับกระดาษรูปดอกไม้และสัตว์
5
โดย: มนต์มนัส วันที่เขียนรีวิว: 21 ธันวาคม พ.ศ. 2556

โอริกามิ คือศิลปะการพับกระดาษของญี่ปุ่น และมันมีความมหัศจรรย์ในตัวมันคือเมื่อเราพับแล้วไม่ต้องติดกาวเลย(เคยลองเอากาวติดแล้วมันแข็งมากมันจะเพี้ยนๆเป็นรูปอื่น) แล้วมันก็สามารถเปลี่ยนรูปร่างได้อย่างมหัศจรรย์ในเล่มนี้คือเป็นการสอนพับดอกไม้และสัตว์เดิมทีการพับที่เก่าแก่ของญี่ปุ่นคือการพับนกและกบ วิธีการพับก็ไม่ยากมากมีบางอันเท่านั้นที่พับยากเคยลองพับตามก็ยากอยู่พอสมควรทำไม่ได้อยู่เหมือนกัน เวลาเอาไปสอนเด็กๆพับเนี่ยเขาจะสนุกมากแนะนำให้สอนพับสัตว์ดีกว่านะค่ะ สำหรับดิฉันเองเมื่อพับดอกไม้แล้วลองเอามาทำเป็นโคมไฟดูก็สวยดีนะค่ะ แปลกตาดี ตอนที่เราพับมันก็เป็นดอกเดียวใช่ไหมค่ะ แต่ลองเอามาต่อๆเป็นวงกลมก็เป็นโคมไฟได้ค่ะ ลองทำดูนะค่ะสวยมาก ขายได้ด้วยนะค่ะ งานแฮนด์เมดพวกนี้แพงค่ะ นอกจากดอกไม้แล้วโอริกามิมีหลากหลายรูปแบบมาก สำหรับเด็กๆที่สมาธิสั้นลองชวนเขามาพับกระดาษโอริกามิดูนะค่ะ (เคยอ่านเจอในอินเตอร์เนตค่ะ) ขนาดตัวดิฉันเองยังสนุกเลยลองพับเล่นเพื่อนเห็นเพื่อนก็อยากจะทำด้วย สำหรับโคมไฟที่ว่านั้นดิฉันทำส่งอาจารย์ค่ะ อาจารย์ก็ชอบนะ หนังสือเล่มนี้แนะนำให้คุณครูอนุบาลซื้อไปสอนเด็กๆ เพราะวัยเด็กเป็นวัยที่ชอบเล่น อยากรู้อยากเห็นอยู่แล้ว ลองพาเขาพับแล้วเอาผลงานของเขาติดลงบนกระดาษให้เขาวาดรูปเสริมเข้าไปแล้วให้เขาเล่าให้ฟังว่าเขาทำอะไร เป็นการเสริมจินตนาการให้กับเด็กๆอีกทางหนึ่ง
10 นิทาน นานาชาติ เล่ม 2
5
โดย: มนต์มนัส วันที่เขียนรีวิว: 02 ธันวาคม พ.ศ. 2556

10 นิทานนานาชาติ เล่ม 2 ย้อนวัยเด็กสักหน่อยนะค่ะกับหนังสือนิทานเล่มนี้ ถึงจะโตแล้วแต่ก็ยังชอบอ่านนิทานอยู่ค่ะมันช่วยคลายเครียดดี คุณพ่อคุณแม่ที่กำลังมองหาหนังสือนิทานแสนสนุกเพื่อเสริมสร้างสมาธิและสติปัญญาแฝงไปด้วยคติสอนใจให้กับน้องๆเล่มนี้แหล่ะค่ะ อ่านสนุกเต็มอิ่มกับนิทานสี่สีทั้งเล่มซึ่งทุกๆเรื่องก็อ่านสนุกไม่แพ้กันเลยล่ะค่ะอีกอย่างเป็นนิทานอมตะที่ครองใจเรามาตั้งแต่สมัยเด็กๆพูดถึงทีไรก็อยากจะฟังทุกทีเลย
สโนไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ด เรื่องราวของเจ้าหญิงที่ถูกแม่มดร้ายวางยาพิษโดยให้เธอทานผลแอปเปิ้ล แต่เจ้าหญิงก็ฟื้นขึ้นมาเพราะจุมพิตจากเจ้าชาย เป็นนิทานที่สุดแสนจะโรแมนติกจริงๆเลยค่ะ
ลูกเป็ดขี้เหร่ นิทานแสนสนุกเรื่องราวของเจ้าเป็ดน้อยแสนขี้เหร่มีแต่คนรังเกรียจแต่ใครจะรู้ล่ะว่าลูกเป็ดตัวนี้จะเติบโตไปเป็นหงส์ผู้สง่างาม
หนูน้อยกับไม้ขีดไฟ เป็นเรื่องที่ดิฉันชอบมากที่สุดเรื่องหนึ่งเลยล่ะค่ะ เรื่องราวความสุขของเด็กหญิงตัวน้อย สุดท้ายก็จบด้วยความเศร้า
ฮันเซลและเกรเทล เรื่องราวของเด็กน้อยที่หลงเข้าไปในบ้านขนมปังของแม่มดแต่ก็เอาตัวรอดมาได้ด้วยสติปัญญาแต่เนื้อหาค่อนข้างรุนแรงนิดๆ (แค่ความคิดเห็นส่วนตัวนะค่ะ)
กระต่ายบนดวงจันทร์ เป็นเรื่องราวการทำความดีของกระต่ายน้อยจนได้ขึ้นไปอยู่บนดวงจันทร์กับนางฟ้า บางทีการทำความดีมากๆก็อาจจะได้ไปอยู่บนดวงจันทร์เหมือนกระต่ายน้อยก็ได้นะ
เจ้าชายน้อย เรื่องราวของเจ้าชายน้อยที่คอยดูแลต้นกุหลาบด้วยความทะนุถนอมและเห็นคุณค่าของต้นกุหลาบนั้น
พิน็อคคิโอ ด้วยความรักจากไม้ธรรมดากลายมาเป็นหุ่นเด็กชายที่แสนน่ารัก การที่พิน็อคคิโอเลิกเกเร เลิกโกหกทำให้เขาได้กลายเป็นคนจริงๆสมใจ
ยักษ์ในตะเกียงวิเศษ เจ้าชายผู้โลภมากต้องเข้าไปอยู่ในตะเกียงเพราะความโง่เขลาของตน
พระราชากับชุดล่องหน ความเขลาทำให้พระราชาผู้โปรดปราณการแต่งกายต้องมาโดนหลอกแต่มาตาสว่างได้ก็เพราะเด็กตัวน้อยๆนี่เอง
ลิงกับหมวก เจ้าลิงจอมซนแสนฉลาดก็พลาดท่าให้ชายขายหมวกได้นะเพราะฉลาดแต่ไม่เฉลียวยังไงล่ะจ๊ะ
จบซะแล้วแต่ก็ยังอยากอ่านซ้ำๆวนไปวนมาอยู่อย่างนั้นก็สนุกจนวางไม่ลงนะสิค่ะ นี่แหล่ะคุณสมบัติขิงนิทานยอกเยี่ยมเหล่านี้ฟังกี่ทีกี่ทีก็ไม่มีเบื่อ นึกถึงสมัยเด็กๆที่เรียกร้องอยากให้คุณแม่ คุณยาย คุณครูเล่าให้ฟังอีก บางวันฟังจนหลับเลยก็มีโลกของนิทานช่างมีความสุขเสียจริงๆเลยว่าไหมค่ะ
5
โดย: มนต์มนัส วันที่เขียนรีวิว: 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

199 สถานการณ์พูดอังกฤษในชีวิตประจำวัน นอกจากหน้าปกที่สีสันสดใสโดนใจวัยรุ่นพร้อมการ์ตูน 4 สีสวยๆทั้งเล่มอ่านสบายตาเนื้อหาครบถ้วนแล้วในเล่มยังมี MP3 สำหรับฝึกฟังสำเนียงเจ้าของภาษาให้คุ้นเคยและฝึกออกเสียงได้ถูกต้องเหมือนเจ้าของภาษาอีกด้วยคุ้มมากถ้าซื้อหนังสือเล่มนี้มาอ่าน ดิฉันอ่านแล้วเห็นว่ามันมีประโยชน์มากอ่านเข้าใจง่าย การ์ตูนสีสันสดใสภายในเล่มทำให้อ่านเพลินเลยล่ะค่ะ หรือว่าจะอ่านกับเพื่อนก็ได้นะค่ะผลัดกันพูดก็สนุกสนานไปอีกแบบได้สร้างสัมพันธ์ที่ดีต่อเพื่อนแถมยังได้ความรู้อีกด้วยยิ่งในปัจจุบันนี้การสื่อสารเป็นส่วนที่สำคัญในชีวิตประจำวันมาก เห็นได้จากเทคโนโลยีทางการสื่อสารที่เข้ามามีบทบาทกับทุกสังคม ทุกมุมโลกยิ่งเปิดโอกาสให้เราได้รู้จักผู้คนมากขึ้น อีกทั้งคนไทยเองก็ติดต่อสื่อสารกับชาวต่างชาติทั้งทางด้านการทำงานและในชีวิตประจำวัน การสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษจึงเป็นเรื่องใกล้ตัวเรากว่าแต่ก่อนมาก เราจึงต้องเรียนรู้ภาษาอังกฤษเอาไว้บ้างเราจะต้องได้ใช้แน่นอนเมื่อเปิดอาเซียนและเปิดโอกาสให้เราได้ทำงานที่ก้าวหน้าขึ้นไปอีกขั้น ได้เรียนรู้สังคมใหม่ๆด้วย การที่เราจะเลือกหนังสือสักเล่มมาอ่านเพื่อหาความรู้เราก็ต้องเลือกเล่มที่อ่านเข้าใจง่าย และเหมาะกับสถานการณ์ที่เราจะต้องใช้ด้วย เนื้อหาในเล่มนี้ประกอบไปด้วยบทสนทนาถึง 199 สถานการณ์ ประโยคและคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์นั้นๆด้วย เรียกได้ว่าอ่านกันจนจุใจไปเลยกับเนื้อหาที่อัดแน่นถึง 600 กว่าหน้า เยอะอย่างนี้แต่อ่านไม่เบื่อนะค่ะ หยิบใส่กระเป๋าพกพาได้นะค่ะไม่หนักมาก เผื่อเจอสานการณ์ฉุกเฉินจะได้หยิบขึ้นมาพูดได้อย่างทันใจและไม่ประหม่า และที่ดิฉันชอบสุดๆก็คือ VCD MP3 ที่แถมมากับเล่มนี่แหล่ะค่ะ อย่าพึ่งคิดว่าเห็นแก่ของฟรีนะค่ะ วีซีดีที่แถมมาเป็นตัวช่วยในการฝึกภาษาของเราอย่างดีเลยล่ะค่ะ ถึงแม้ในเล่มจะเขียนกำกับคำอ่านเป็นภาษาไทยมาให้ แน่นอนภาษาไทยเราอ่านออกกันทุกคนอยู่แล้ว ถ้าไม่มีเจ้าวีซีดีเราคงไม่รู้ว่าการพูดการออกเสียงเขาพูดกันยังไง แรกๆก็อาจจะเปิดหนังสือตามที่เขาพูดในวีซีดี ฝึกฟังตามและพูดตามบ่อยๆ เหมือนเจ้าของภาษามาสอนเองถึงบ้านเลย ถ้าหากเราไม่แน่ใจว่าเราพูดถูกไหมแนะนำให้อัดเสียงและเปิดฟังเปรียบเทียบกับวีซีดีก็ได้นะค่ะ การที่เราได้เรียนรู้ด้วยตัวเองจะทำให้เรารู้อะไรเยอะกว่าคนอื่นเขาล่ะ แน่นอนก็เราได้ลองผิดลองถูกมาแล้ว ความรู้ที่ได้จากหนังสือเล่มนี้สามารนำไปใช้ในชีวิตจริงได้อย่างดีเลยล่ะค่ะ บางทีนะเราอาจกลายเป็นคนที่คุยอังกฤษจ้อทั้งวันเลยล่ะค่ะ
ชีคเจ้าเสน่ห์
5
โดย: มนต์มนัส วันที่เขียนรีวิว: 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ชีคเจ้าเสน่ห์ ผลงานเล่มที่สองของ ดวงแก้ว อ่านสนุกมากๆค่ะพระเอกเจ้าเสน่ห์ แสนร้อนแรง กับ นางเอกแสนเชยแต่ฉลาด เป็นนิยายที่พระเอกนางเอกรักกันช้ามาก แต่สนุกชวนติดตามมากๆจะได้ลุ้นๆว่าพระเอกเจ้าเสน่ห์คนนี้มาหลงรักแม่ชีแห่งสยามได้ยังไง
เรื่องราวของชายที่ไม่รู้จักคำว่ารัก เมื่อเขาโดนบังคับแต่งงาน เขาคิดเพียงว่าจะเอาเงินและสมบัติมากอง ให้บรรดาสาวงามในสต๊อก ตบเท้าเข้ามาเป็นชีคคากำมะลอให้เขาได้ง่ายๆ
สำหรับ “กันติชา” แล้วแม้จะหลงรักเขาแต่คนไม่มีหัวใจอย่างเขาก็สมควรที่จะได้รับบทเรียนซะบ้าง
เมื่อ “ชีคราชีฟ อัลจามาร์” ถูกบังคับแกมขู่จากพระบิดาให้ต้องแต่งงาน แต่เขาก็หาทางออกด้วยการจะหาเจ้าสาวเอง เรื่องอะไรคาสโนว่าฆ่าไม่ตายอย่างเขาจะยอมง่ายๆเพราะคำว่าแต่งงานสำหรับเขาก็คือกรงขังอิสรภาพนั่นเองเขาจึงฝากความหวังสุดท้ายไว้กับเลขาคนเก่งอย่าง กันติชา เธอจะต้องหาชีคากำมะลอ ที่เหมาะสมกับเขามาให้ได้ ถึงแม้จะต้องทนเจ็บแต่เธอก็ไม่ปริปากซักคำ มีผู้หญิงมากมายที่เป็นตัวเลือกแต่ไม่ถูกเลือกอย่างนาตาชา เวลล์ สาวสวยหน้าหวานลูกสาวเจ้าของห้างดัง เจนี่ เฟย์ ดาราสาวสวยตกอับ โมน่า นางแบบสาวสวยชื่อดัง ที่ใช้มารยาหลอกลวงเขาจนหลงหัวปักหัวปำ เมื่อความหลงเข้าครอบงำทำให้เขาต้องเสียเพชรเม็ดงานอย่างกันติชาไป และเขาก็ตัดสัมพันธ์กับโมน่าเช่นกัน
ราชีพตัดสัมพันธ์กับโมน่าไปแล้วมีหรือที่ข้างกายเขาจะขาดสาวงามได้ เธอ “โรส” หญิงสาวที่ทำให้หัวใจของเขาไหววูบเพียงจูบแรกที่เธอมอบให้เขาในคืนนั้น แต่คนอย่างเขาจะรู้ไหมนะว่ารอยจูบที่เขาได้รับในวันนั้นมันคือความสะใจของคนที่ต้องการจะสอนผู้ชายอย่างเขาให้ตาสว่างขึ้นมาบ้างไม่มากแต่ก็ไม่น้อย ราชีฟหลงรักโรสเข้าอย่างจังจึงออกตามหาโรส สุดท้ายก็ไม่พบ ราชีฟจึงลงทุนมาตามหากันติชาถึงประเทศไทยเพราะวันเวลาที่เขาจะต้องแต่งงานใกล้เข้ามาแล้วด้วย จะว่าไปแล้วพระเอกนี่เห็นแก่ตัวชะมัดเลย พอไม่ได้แต่งงานกับคนที่ตัวเองหลงรักยังจะมาขอร้องให้นางเอกเล่นเกมแต่งงานปลอมๆกับตัวเองอีก แล้วผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างกันติชาจะทนกับความปวดร้าวที่ผู้ชายคนนี้ยัดเยียดให้ได้อย่างไรล่ะ
เหตุผลไม่สู้ความรัก กันติชาตอบตกลงจะช่วยเขา แต่ดูเหมือนกันติชาจะตัดสินใจผิดซะแล้ว ที่ไปล้อเล่นกับใจของเขา
กันติชาโดนรับโทษทัณฑ์จากเขา จากเทพบุตรกลายเป็นปีศาจร้ายแล้วกันติชาจะทนได้อย่างไร จามูเอลคือคนที่ยื่นมือเข้ามาช่วยกันติชาจากชีคราชีฟ เรื่องราวความรักของชีคเจ้าแห่งทะเลทรายดูเหมือนจะวุ่นวายอยู่ช่วงท้ายๆแต่อย่างน้อยคนอย่างชีคราชีฟก็ได้รู้จักคำว่ารักกับคนที่เขารักสุดหัวใจสักที

รักเกิดในตลาดสด (ละครช่อง 3)
5
โดย: มนต์มนัส วันที่เขียนรีวิว: 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

รักเกิดในตลาดสด เป็นนวนิยายสั้นๆ อ่านสนุกตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่แพ้ดูละครเลยล่ะค่ะ เขียนโดย นราวดี นักเขียนที่เคยสร้างสรรค์ผลงานมาแล้วมากมายหลายแนว อ่านเรื่องนี้แล้วก็เพิ่งรู้เหมือนกันว่าแม้ในตลาดสดก็มีการแบ่งชั้นวรรณะกันด้วย อย่าง ผู้เช่าแผงที่มีหน้าร้านกว้างกว่าเห็นว่าผู้ที่มีหน้าร้านแคบกว่าตนนั้นด้อยกว่าตน แม้ค้าปลาเห็นว่าพ่อค้าหมูอยู่ในระดับเดียวกับตนหรือดีกว่า แต่พ่อค้าผักนั้นต่ำต้อยกว่าตน จึงเกิดการดูถูกกันขึ้น เคยอ่านแต่นิยายที่แบบว่าพระเอกจน นางเอกรวย หรือพระเอกรวย นางเอกจน บรรยากาศผู้ดีจ๋า แต่นวนิยายเรื่องนี้แปลกดีบ้านๆดี ชอบมากแต่ก็ไม่วายดูถูกกันอยู่ดี สงสารก็แต่พระเอก “ปราเมศ” พ่อค้าขายผักที่ไปหลงรัก ลูกสาวแม่ค้าปลา “กิมลั้ง” ปราเมศแอบมองกิมลั้งบ่อยๆและดูเหมือนว่าว่าที่แม่ยายอย่าง “กิมฮวย” จะรู้ทันจึงคอยกันท่าทุกทางทั้งด่าด้วยสายตาวันละห้าร้อยรอบและพูดจาประชดประชันเขาอยู่เรื่อย เพราะลูกเขยในดวงใจของแม่กิมฮวยนั้นก็คือ “จาตุรงค์” ลูกชายเถ้าแก่เขียงหมูตอนแรกจาตุรงค์ก็ไม่ชอบกิมลั้งพอเจอหน้าเท่านั้นแหล่ะ เคลิ้มเลย พระเอกของเราก็เลยมีคู่แข่งเพิ่มไปอีกหนึ่ง นางเอกของเราก็แอบชอบพระเอกอยู่นะ จะเรียกว่าเล่นตัวก็ไม่ได้แค่ลองใจพระเอกเฉยๆ พระเอกก็คิดแบบนั้นเหมือนกันแต่ทำไมนางเอกของเราชอบทำหน้าบึ้งใส่ซะงั้น พ่อแง่แม่งอลจริงจริ๊ง เรื่องนี้พระเอกนางเอกจีบกันน่ารักมากแอบเขิลแทนเลย แรกๆพระเอกจีบทั้งเปิดเพลง ทั้งฝากของพร้อมข้อความไปให้ หลังๆพระเอกแกล้งไม่สนใจนางเอกเลยต้องเข้าหาพระเอกซะเอง แถมมีหึงด้วยนะ ที่จริงพระเอกก็แกล้งให้หึงนั่นแหล่ะ น่ารักจังอยากจะกัดลิ้นตัวเองตาย หวานได้ไม่นานว่าที่แม่ยายนี่ก็ช่างขัดความสุขเสียจริงๆเลย เริ่มจะหมั่นไส้ว่าที่แม่ยายแล้ว นอกจากจะขัดขวางความรักของทั้งคู่แล้วยังมาด่าพระเอกให้เสียหายอีก ในเมื่อใจรักซะอย่างพระเอกของเราก็ไม่ยอมแพ้หรอกทุกครั้งที่ว่าที่แม่ยายมาขายปลาเขาจะเปิดเพลงแต้จิ๋วให้ว่าที่แม่ยายได้ยินเสมอ บางครั้งก็เปิดเพลงลูกกรุงเอาใจลูกกิ้มลั้งบ้าง พอกิมฮวยเผลอ จดหมายรักกที่แต่งเป็นกลอนก็จะถึงมือกิมลั้งทันที วันหนึ่งเกิดเรื่องขึ้นกับกิมฮวยแล้วปราเมศได้ช่วยไว้ทัน กิมฮวยจึงมองปราเมศดีขึ้น เหมือนโชคชะตาจะเข้าข้างเมื่อกิมแชน้องสาวกิ้มลั้งต้องแต่งงานกับจาตุรงค์เพราะทั้งสองชอบพอกันมานานแล้ว จนกระทั่งจดหมายหนึ่งที่ปราเมศส่งถึงกิมลั้งตกถึงมือกิมฮวย ว่าที่แม่ยายเปิดอ่านแล้วคาดคั้นถามเรื่องจดหมายกับกิมลั้ง พอรู้ความจริงเท่านั้นแหล่ะนางโพล่งขึ้นว่า “ไปชวนปราเมศมากินข้าวที่บ้าน” แหมความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่นจริงๆ แม่ยายก็แม่ยายเถอะเจอเล่ห์เหลี่ยมพ่อค้าหน้าซื่อรักจริงเข้าก็ใจอ่อนเลย อยากจะบอกว่าขนาดตอนจบยังฮาเลย สนุกตั้งแต่ต้นจนจบจริงๆ
Drawing พื้นฐานกับงานศิลปิน
5
โดย: มนต์มนัส วันที่เขียนรีวิว: 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

DRAWING พื้นฐานกับงานศิลปิน โดยอัครชา อัครบุตร เป็นหนังสือสำหรับเตรียมสอบเข้าสถาบันที่เปิดสอนทางด้านศิลปะ สมัยที่เราสอบเข้ามหาวิทยาลัยใหม่ๆเราเองก็อาศัยหนังสือเล่มนี้แหล่ะ ถึงตอนเรียนก็ยังได้ใช้ได้ดูตัวอย่างเรื่อยๆ (เพราะมีหนังสือเล่มนี้เลยสอบติด) ตอนสอบเข้ามหาวิทยาลัยการสอบปฏิบัตินั้นแน่นอนอยู่แล้ว สำหรับการวาดเส้นอยู่ที่ว่ามหาวิทยาลัยที่เราไปสอบนั้นเขาจะกำหนดให้วาดอะไรเท่านั้นเอง อย่างตอนเราสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่เราเรียนอยู่เนี่ยเราได้วาดหุ่นนิ่งแก้วใสกับผลไม้ แล้วเราจะต้องไปเจอกับวิชาวาดเส้นอีกทีตอนเรียน เรียกได้ว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว สอบติดแถมยังได้ใช้หนังสือต่ออีกด้วยเก็บไว้สอนน้องๆเราด้วยก็น่าจะดีนะ หนังสือเล่มนี้ดีมากเลยในความคิดเราแบบว่าเนื้อหาในเล่มจะครอบคลุมบุคคลในกลุ่มที่รักงานศิลปะและรวมถึงคนที่อยากจะฝึกฝนการเขียนภาพ ไม่ได้เขียนขึ้นมาเฉพาะไว้สำหรับเตรียมสอบอย่างเดียวเท่านั้น เนื้อหาต่างๆ ในเล่มจะมีบอกไว้หมดเลยตั้งแต่
การวาดภาพ (Drawing) หลักการวาดภาพเบื้องต้น
ลำดับขั้นตอนในการวาดภาพ (Drawing)
ลักษณะของน้ำหนักแสงเงา
ภาพแสดงขั้นตอนวิธีการร่างภาพรูปเรขาคณิตต่างๆ
การเขียนภาพหุ่นนิ่งพื้นฐาน
การเขียนภาพ หุ่นนิ่ง(Still Life)
การเขียนภาพคนเหมือน (Portrait)และหุ่นปูน
การเขียนภาพคนเต็มตัว (Figure)
การเขียนภาพทิวทัศน์
เนื้อหาที่ใช้ในเล่มไม่ได้ยากเลย ผู้เขียนอธิบายไว้ให้อย่างละเอียด นอกจากนี้ ผู้เขียนยังได้แนะนำรายชื่อมหาวิทยาลัยต่างๆที่เปิดสอนวิชาทางด้านศิลปะ และท้ายเล่มยังมีผลงานวาดเส้นของศิลปินนักเดินทาง อาจารย์สมบูรณ์ พวงดอกไม้ ด้วย อีกอย่างผู้เขียนยังเป็นติวเตอร์ของ HA-NANG ART STUDIO AND TUTOR ท้ายเล่มมีคนสอบติดมาการันตีเพียบ เราขอการรันตีด้วยอีกคนนะค่ะ เราเองก็ไม่ได้วาดรูปเก่งอะไร บางทีก็ต้องอาศัยการหาความรู้จากหนังสือบ้างเพราะหนังสือคือประสบการณ์ที่ได้รับการถ่ายทอดแล้ว ฝึกเขียน ฝึกวาด ฝึกอ่าน ฝึกทำบ่อยๆเพราะศิลปะคือการทำซ้ำ คนที่เขาวาดรูปเก่งๆแทบจะทุกคนเลยนะที่แนะนำว่า ถ้าอยากวาดรูปเก่งๆก็ต้องวาดบ่อยๆ ฝีมือจะได้พั ฒนา และได้เห็นพัฒนาการของตัวเองด้วย สถาบัน HA-NANG น่าไปเรียนมากเลยนะแต่อยู่ไกลถึงเชียงใหม่ ดูท้ายเล่มแล้วคนที่เรียนกับ HA-NANG สอบติดคณะดีๆ มหาวิทยาลัยดังๆทั้งนั้น อาทิเช่น
คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ คณะออกแบบพัสตราภรณ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ศึกษาศิลปะ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ออกแบบ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ คณะสถาปัตยกรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นอกจากนี้ก็ยังมี มหาวิทยาลัยราชมงคล ล้านนา มหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าฯพระนครเหนือ วิทยาลัยสื่อฯ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เยอะแยะมากมายเลยใช่ไหมล่ะค่ะ ของเขาดีจริงๆนะ เริ่มอยากจะเรียนศิลปะกันบ้างไหมค่ะ อีกอย่างที่ลืมบอกไปในเล่มยังได้รวบรวมผลงานของคนที่สอบติดและผ่านการติวกับHA-NANG เอาไว้ด้วย
ช่างสำราญ (ปกอ่อน)
4
โดย: มนต์มนัส วันที่เขียนรีวิว: 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

“ช่างสำราญ” นวนิยายรางวัลซีไรต์ ปี พ.ศ.2546 ผลงานผู้เขียน ‘สัมพันธภาพ’ และ ‘คุณสงคราม’
เดือนวาด พิมวนา เป็น นวนิยายที่ทำเอาผู้อ่านยิ้มน้อยๆเป็นบางตอนและรอยยิ้มถูกแทนที่ด้วยน้ำตาในบางตอน เรื่องราวเล็กๆที่เกิดขึ้น ณ ห้องแถวคุณแม่ทองจันทร์ แสดงภาพชีวิตของเด็กบ้านแตก “เด็กชายกำพล ช่างสำราญ” เขาถูกพ่อทิ้งไว้ที่ห้องแถวแห่งนี้ ไม่ใช่สิพ่อบอกให้กำพลรออยู่ที่นี่ต่างหากล่ะ พ่อแม่ของกำพลทะเลาะกันทั้งสองแยกทาง แม่ขนของขึ้นรถกระบะไป พ่อเอาน้องไปให้ย่าเลี้ยง แต่พ่อก็ยังไม่กลับมา ชีวิตที่เหมือนถูกทิ้งของกำพล ดำเนินไปด้วยความช่วยเหลือของคนในชุมชนห้องแถวคุณแม่ทองจันทร์ บ้างมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น กระแสความอาทรของชาวบ้านทำให้กำพลต้อง กินบ้านนั้น นอนบ้านนี้ อยู่เป็นประจำ สุดแต่ใครจะสังเกตเห็นและไม่ลืมเขาไป บางครั้งเสียงทะเลาะ ของชาวบ้านที่มาช่วยมีลักษณะเกี่ยงว่า วันนี้ฉันช่วยแล้ว พรุ่งนี้ตาเธอช่วยบ้าง สุดท้ายคนที่ต้องรับภาระคือนางหมอนแม่ของอ้นเพื่อนของกำพลเองและเฮียชงร้านขายของ กำพลหวังว่าสักวันหนึ่งพ่อจะกลับมารับไปอยู่กับไอ้จ้อนน้องของเขา แม่จะมาพาไปอยู่ด้วย พ่อกับแม่จะคืนดีกัน แต่กำพลก็ได้แต่หวัง นานๆทีพ่อจะมาหากำพลสักครั้ง วันดีคืนดีแม่ก็มาพาไปนอนด้วย สุดท้ายแล้วกำพลก็ได้กลับมาอยู่ห้องแถวเหมือนเดิม ตอนจบชวนติดตามมากจนอยากจะรู้เรื่องราวของเด็กชายจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต ผู้เขียนจบแบบให้คิดเอง จนเราเองรู้สึกผ่อนคลายไปด้วยไม่ต้องรอลุ้นแล้วว่าพรุ้งนี้กำพลจะต้องเจอกับอะไรอีก
นวนิยายเรื่องนี้ทั้งสนุกทั้งตลก เป็นเนื้อหาที่ไม่เครียดตลอดเรื่องแต่ก็แฝงไปด้วยความสะเทือนอารมณ์
ความ ไร้เดียงสาของเด็กๆทำให้เรายิ้มได้บ้าง ทำให้ลืมภาพความสะเทือนใจไปชั่วครั้งคราว
ช่างสำราญ สะท้อนภาพชีวิตในสังคมปัจจุบันได้ดีทีเดียว ทั้งปัญหาครอบครัว ทั้งลักษณะของชาวบ้านที่สอดรู้สอดเห็น ชอบยุ่งเรื่องของชาวบ้าน และในความสอดรู้สอดเห็นนั้นก็แฝงไปด้วยความอาทร ในความเป็นเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน คนเราก็ไม่ได้ใจร้ายนักที่จะไม่ยื่นมือเข้าช่วย ทำให้เห็นว่าคนดีและสิ่งดีๆยังมีอยู่ ผู้เขียนสอนให้เรารักในเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ทำให้เราเข้าใจเจตจำนงที่แท้จริงของผู้เขียนผ่านงานวรรณกรรม การอ่านหนังสือเล่มนี้ทำให้ได้รู้จักการมองโลกอีกมุมหนึ่งของนักเขียนผ่านวรรณกรรมที่เขาสร้างสรรค์มันขึ้นมา แต่ว่าผู้เขียนก็ไม่ได้มองโลกในแง่ดีเกินไป ไม่ร้ายเกินไป ผู้เขียนมองโลกแบบเป็นกลางๆ มองในสิ่งที่มันเป็น ว่าโลกนี้ “ช่างสำราญ”

5
โดย: มนต์มนัส วันที่เขียนรีวิว: 07 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ความสุขของกะทิ วรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน ประเภทนวนิยาย ประจำปี พ.ศ. ๒๕๔๙
โดย งามพรรณ เวชชาชีวะ อ่านเล่มนี้แล้วรู้สึกเหมือนกำลังมองชีวิตของเด็กหญิงคนหนึ่งซึ่งดำเนินชีวิตแบบเรียบๆง่ายๆกับตาและยาย ณ บ้านริมคลอง สายลมเย็นๆทำให้อ่านเพลินจนไม่รู้ว่าน้ำตาคลอตั้งแต่เมื่อไหร่
เนื้อเรื่องที่ดำเนินไปอย่างสงบสร้างสุขให้แก่ผู้อ่านได้เป็นอย่างดี ไม่เหมือนนิยายแฟนตาซีที่เคยอ่าน ไม่เหมือนนิยายทั่วไปที่เนื้อเรื่องมักจะผูกกันด้วยความวุ่นวายและสุดท้ายก็จบด้วยความสุข แต่เล่มนี้แตกต่างอย่างที่สุด การเรียนรู้ชีวิตของเด็กหญิงนามว่ากะทิ กะทิไม่ได้อยู่กับแม่เหมือนคนอื่นๆ กะทิมีความสุขเพราะมีตากับยายที่คอยให้ความอบอุ่นกับกะทิเรื่อยมา แต่กะทิก็คิดถึงแม่ จนวันหนึ่งกะทิได้เจอกับแม่ กะทิได้รับรู้ว่าแม่เป็นโรคร้ายแรง แต่ ณ เวลานั้นกะทิได้ใช้เวลาอยู่กับแม่สมปรารถนา แม่เล่าถึงกะทิด้วยความสุข รวมทั้งเหตุผลที่แม่ต้องทิ้งกะทิให้อยู่กับตาและยาย กะทิเข้าใจแม่ แม่ไม่ได้ทิ้งกะทิเลยแม่รักกะทิมาก แม่เก็บทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับกะทิไว้หมดทุกอย่าง ถึงแม้ว่าสุดท้ายแล้วแม่จะไม่ได้อยู่กับกะทิอีกต่อไป เหตุการณ์แบบนี้ยากนะที่เด็ก 9 ขวบจะรับไหว แต่กะทิก็เข้มแข็งสมกับเป็นลูกแม่อย่างที่ใครเขาว่ากัน เล่ามาดูเหมือนจะเศร้าจริงๆแล้วเราได้เรียนรู้ความสุขไปพร้อมกับกะทิต่างหากล่ะ
“ความสุขของกะทิ” ความสุขกับสิ่งต่างๆและเรื่องราวที่ผ่านเข้ามาในชีวิตให้เธอได้เรียนรู้ไม่ว่าจะเป็นตอนอยู่ที่ บ้านริมคลอง บ้านชายทะเล และบ้านกลางเมือง ถึงแม้ว่าจะมีเรื่องเศร้าอย่างใหญ่หลวงที่กะทิทิ้งมันไว้ข้างหลังก็ตาม เหมือนกับครั้งหนึ่งที่แม่เคยบอกกะทิว่า คนเราก็ไม่ต่างจากตัวละครในหนังสือ ที่ต้องเผชิญกับเรื่องราวต่างๆในชีวิต และเมื่อผ่านพ้นมาได้ก็จะมีความลุ่มลึกในเนื้ออารมณ์เป็นคนเต็มคนมากขึ้นและมองทุกอย่างเปลี่ยนไป แม่ชอบใช้ “คำใหญ่” กับกะทิ ใช่เหตุการณ์ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตทำให้กะทิรู้สึกจริงๆว่าตัวเอง “โต” ขึ้น
ผู้เขียนให้ความสำคัญกับเรื่องครอบครัวมากถึงแม้จะไม่ใช่ครอบครัวอบอุ่นที่มีทั้งพ่อและแม่ แต่อ้อมแขนของตาและยายอบอุ่นและให้ความรู้สึกปลอดภัยเหมือนที่กะทิจำได้ ณ บ้านริมคลองหลังนี้ บางทีชีวิตก็ไม่มีคำอธิบาย เหมือนที่แม่บอกกับกะทิไว้อีกนั่นแหล่ะ ความสุขของกะทิยังดำเนินต่อไป ณ บ้านริมคลองอันแสนอบอุ่น ทุกอย่างเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เสียงตะหลิวของยายก็ยังปลุกให้กะทิตื่นขึ้นพบกับโลกใบนี้เหมือนเดิม
HOW TO SPEAK ENGLISH พูดภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง
5
โดย: มนต์มนัส วันที่เขียนรีวิว: 03 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

โดยส่วนตัวแล้วเราเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือภาษาอังกฤษอยู่แล้ว เราคิดว่าเรียนอะไรก็ไม่สนุกเท่าเรียนภาษาอังกฤษ ยิ่งใกล้จะถึงเวลาเปิดอาเซียนแล้วยิ่งตื่นเต้นกันไปใหญ่ ในร้านหนังสือก็จะมีหนังสือที่ให้ความรู้เกี่ยวกับภาษาอังกฤษของสำนักพิมพ์ต่างๆวางขายไว้มากมาย เลือกไม่ถูกกันเลยทีเดียวเชียว บอกตรงๆอยากให้คุณครูมาเอาหนังสือแบบนี้ไปสอนนักเรียนจัง คือว่าหนังสืออ่านง่ายมาก เข้าใจง่าย อธิบายละเอียดยิบ เราคิดว่าการเรียนภาษาอังกฤษในโรงเรียนจะไม่เป็นเรื่องน่าเบื่อเลยล่ะ เหมือนเรียนกับติวเตอร์ไงทั้งสนุกทั้งฮา เวลาเราอ่านหนังสือภาษาอังกฤษเล่มไหนที่อ่านแล้วรู้เรื่อง เข้าใจง่าย เรียนได้เร็วเราจะชอบเป็นพิเศษเลยล่ะ อย่างหนังสือเล่มนี้ HOW TO SPEAK ENGLISH หัดพูดอังกฤษด้วยตนเอง โดย คณาจารย์ Asean Language & Translation
เราอ่านแล้วรู้สึกว่าหนังสือเล่มนี้ให้ความสำคัญกับผู้เริ่มต้นเรียนภาษาอังกฤษด้วยตนเองเป็นอย่างมากคือเขาจะปูพื้นฐานความเข้าใจเกี่ยวกับภาษาอังกฤษให้เลยตั้งแต่การเทียบอักษรภาษาไทยกับภาษาอังกฤษ สระ การฝึกหัดอ่านออกเสียงสระด้วยคำศัพท์ภาษาอังกฤษ การเริ่มต้นฝึกด้วยสถานการณ์ต่างๆ เช่น เมื่อพบเพื่อนเก่า การถามทาง การบอกทาง การพูดโทรศัพท์ การจองห้องพัก การเบิกเงิน การแลกเงิน ภัตตาคาร การซื้อของ สีและขนาดของเสื้อผ้า เกี่ยวกับการถ่ายรูป เกี่ยวกับการขับรถ เกี่ยวกับของหาย เจ็บป่วย เกี่ยวกับยา การบอกเวลา การอ่านเวลา ทีนี้เราก็พูดได้คล่อง เที่ยวได้สบายเลยล่ะ อีกอย่างที่ทำให้เราตาโตคือการสมัครงาน ประโยคคำถามที่ควรเตรียมคำตอบไว้ล่วงหน้าในการสมัครงาน และใบสมัครงาน ทีนี้ก็ไม่ต้องไปหาหนังสือเล่มอื่นมาอ่านแล้วแหล่ะเล่มนี้เล่มเดียวครบเลย ต่อไปนี้เวลาจะซื้อหนังสือคงต้องดูสารบัญประกอบแล้วแหล่ะ จะได้หนังสือที่ถูกใจแบบนี้ ยิ่งในปัจจุบันชาวต่างชาตินิยมมาเที่ยวในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่คนไทยอย่างเราจะต้องรู้ภาษาอังกฤษไว้เพราะไม่ว่าชาติใดก็ตามมักจะใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษากลางในการติดต่อสื่อสารกับเราอยู่แล้ว ไม่เพียงแต่เรียนไว้เพื่อเท่านี้บางทีเราเกิดอยากไปเที่ยวต่างประเทศขึ้นมาใครจะช่วยเราได้ล่ะทีนี้ถ้าเราไม่รู้ภาษาอังกฤษ จ้างล่ามคงไม่ไหวมั้ง ดังนั้นเรียนรู้ด้วยตัวเองดีที่สุด อีกอย่างในหนังสือ HOW TO SPEAK ENGLISH ได้รวบรวมสำนวนพูดที่นิยมใช้กันทั่วไป รวบรวม คำศัพท์และวลีต่างๆที่เห็นว่าจำเป็นสำหรับบทนั้นๆไว้ด้วย นอกจากเราจะได้ฝึกพูดภาษาอังกฤษด้วยประโยคมาตรฐานต่างๆแล้ว ยังได้ความรู้เกี่ยวกับคำศัพท์สำคัญ พร้อมด้วยการออกเสียงที่ถูกต้องอีกด้วย เรียกได้ว่าพกหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือสามัญประจำกระเป๋ากันไปเลยอย่างน้อยก็สร้างความมั่นใจให้เราได้บ้างแหล่ะ (แต่อย่าทำหายล่ะ)
หัดพูดจีนกลาง เพื่อธุรกิจและการท่องเที่ยว
4
โดย: มนต์มนัส วันที่เขียนรีวิว: 28 ตุลาคม พ.ศ. 2556

วันนี้มีโอกาสได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่งเป็นหนังสือหัดพูดภาษาจีนกลาง เพื่อธุรกิจและการท่องเที่ยว เขียนโดยสุชล ฉินทปรปักษ์ ปฎิเสธไม่ได้เลยนะค่ะว่าภาษาจีนมีอิทธิพลต่อคนไทยและจำเป็นมากเพราะประเทศไทยมีการติดต่อทำการค้ากับประเทศจีนและประเทศที่ใช้ภาษาจีน ฉะนั้นถ้าหากเราสามารถพูดได้หลายภาษากว่าคนอื่นโอกาสในการเรียน การทำงานของเราก็จะได้ก้าวหน้าตามด้วยที่สำคัญที่สุดคงจะหนีไม่พ้นการเปิดประชาคมอาเซียนในปี พ.ศ. 2558 นี้ ไม่ใช่แต่ภาษาอังกฤษเท่านั้นที่เราจำเป็นต้องรู้ภาษาจีนนับว่าเป็นภาษาที่สำคัญเป็นอันดับสองเลยก็ว่าได้ หนังสือเล่มนี้จะช่วยให้เราได้เรียนรู้และฝึกฝนการพูดภาษาจีนกลางได้ด้วยตนเอง หนังสือเล่มนี้อ่านเข้าใจง่ายมีการจำลองสถานการณ์ต่างๆเหมือนเราอยู่ในเหตุการณ์นั้นจริงๆ ถ้าเรารู้ภาษาจีนกลางแล้วเราจะได้เที่ยวประเทศจีนได้สบายใจ ถ้าไม่มั่นใจถือหนังสือเล่มนี้ไปด้วยยังได้เลยค่ะ รับรองมันไม่ทิ้งเราแน่นอน มีเล่มนี้อยู่ในมือไม่ตายแน่ๆและไม่หลงทางด้วย เพราะเนื้อหาในเล่มจะครอบคลุมตั้งแต่การแนะนำ การได้รับข้อมูลข่าวสาร การขนส่ง ภัตตาคาร ที่ทำการไปรษณี ที่ร้านตัดผม ที่ร้านตัดเสื้อ การไปซื้อของ เรียกได้ว่าหากไปเที่ยวประเทศจีนมีเล่มนี้อยู่ในมือแล้วรับรองเที่ยวเพลินเลยล่ะค่ะ ไม่เพียงแต่ประเทศจีน เราสามารถไปได้หลายประเทศเลยล่ะ อย่างประเทศสิงคโปร์ (ผู้อ่านอยากไปมากเลยละค่ะประเทศนี้) เองก็ใช้ภาษาจีนเหมือนกัน ไม่เฉพาะเวลาไปเที่ยวเท่านั้นในยุคโลกไร้พรมแดนแบบนี้เราอาจจะได้รู้จักกับเพื่อนชาวต่างชาติ หรือบางคนอาจจะมีแฟนชาวต่างชาติไปแล้วก็ได้ ประเทศเรามีแต่คนอยากมาเที่ยวการศึกษาภาษาจีนกลางไว้ก็ไม่ได้เสียหายอะไร ดีซะอีกจะได้เปิดโลกทัศน์ให้กับตัวเองด้วย อีกอย่างเวลาไปไหนเราจะได้คุยกับเขารู้เรื่องและเป็นไกด์นำเที่ยวไปในตัวเลยก็ได้ ฟังดูแล้วก็น่าสนุกดีนะค่ะ บางทีเราไม่จำเป็นต้องไปเรียนกับติวเตอร์ให้ยุ่งยาก การเรียนรู้ด้วยตัวเองจากอ่านหนังสือนี่แหล่ะสำคัญเพราะผู้อ่านมองว่าหนังสือก็คือประสบการณ์อย่างหนึ่งของคนเรา เขาอาจจะสอนไม่ได้ทุกคนเขาจึงถ่ายทอดผ่านหนังสือให้เราได้อ่านกันนี่แหล่ะ จะรอให้มีคนมาสอนก็คงไม่ได้ อัตตา หิ อัตตะ โน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน คำนี้แม่ของผู้อ่านเป็นคนบอกมา หรือในความเข้าใจในภาษาของเราเองก็คือ ไม่มีใครช่วยเราได้นอกจากตัวเราเองนั่นแหล่ะค่ะ ทุกวันนี้โลกเรามันหมุนเร็วเราเองก็ต้องตามทันเหตุการณ์ด้วยอย่าทำตัวเป็นเต่าล้านปีนะค่ะเดี๋ยวจะตามโลกไม่ทัน หนังสือที่ให้ความรู้เกี่ยวกับภาษาก็มีขายมากมายสะดวกสบายในการหาซื้อมาอ่านไม่ต้องเดินทางเข้าป่าไปหาฤาษีให้ลำบากลำบนเหมือนสมัยก่อนแล้วล่ะค่ะ
4
โดย: มนต์มนัส วันที่เขียนรีวิว: 28 ตุลาคม พ.ศ. 2556

อย่ารอให้รักจากไปแล้วจึงเข้าใจว่ารักกัน มุมมองความรักดีดีจากปลายปากกานักเขียนนามว่า “Cartoon” อ่านหนังสือเล่มนี้แล้วมีความรู้สึกว่าจะรักแฟนตัวเองเพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัวเลยค่ะ เรื่องราวดีดีที่การ์ตูนได้ถ่ายทอดออกมานั้นเหมาะมากที่ให้คนเป็นแฟนกันได้อ่าน อ่านทั้งสองคนยิ่งดีค่ะจะได้รู้ทั้งสองคนว่าคนรักของเราคิดอะไรอยู่ ไม่มีใครไม่เคยมีความรักอย่างน้อยเราก็ รักพ่อ รักแม่ รักแฟน รักอย่างหลังนี่แหล่ะทำให้เราหัวเราะร้องไห้ มีความสุขอย่างน่าประหลาดและสร้างความทุกข์ให้ใจเราอย่างมหาศาล หายากนะค่ะคนที่เข้าใจความรักได้อย่างถ่องแท้แบบนี้เรื่องราวบางเรื่องที่การ์ตูนได้ถ่ายทอดออกมานั้นเราไม่เคยรู้เลยว่าที่จริงแล้วมันเป็นอย่างนี้นี่เอง ปัญหาในเรื่องความรักที่บางทีเป็นปัญหาใหญ่ของเราการ์ตูนก็ให้คำตอบได้อย่างน่าประทับใจ ผู้อ่านต้องยกให้การ์ตูนเป็นปรมาจารย์ด้านความรักไปเลย ล่ะค่ะ การ์ตูนได้เล่าเรื่องราวความรักแบบเต็มๆเอาไว้ในเล่ม ผู้อ่านชอบมากเลยที่การ์ตูนเขียนเอาไว้ไม่ว่าจะเป็น
ความรักไม่ต้องการความสอดคล้องเท่านั้น บางครั้งความรักก็ต้องการการเติมเต็มด้วยเช่นกัน
บนความห่างไกลถ้าใจไม่หนักแน่นสิ่งที่เรากลัวมักเกิดขึ้นเสมอ หลายๆคู่ต้องเลิกกันเพราะความห่างไกลมาก็มากแล้ว
ชีวิตอาจต้องการการทุ่มเทแต่ความรักต้องการความใส่ใจ ทั้งสองอย่างนี้เราไม่ต้องเลือกเพราะเราสามารถที่จะให้รักเดินไปด้วยกันได้
อย่าใช้อารมณ์มากไปเพราะเขาก็จะไม่ทนเราเหมือนกัน
อุปสรรค์จะเป็นตัวพิสูจน์เองว่าเขารักเราแค่ไหน
เมื่อมีความรักก็ต้องรู้จักที่จะรักษา
แค่ขอโทษทุกอย่างก็จะดีขึ้น อันนี้ทำยากนะค่ะ อย่าปากหนักล่ะ
รักของเราก็เป็นไปในแบบของเราอย่าเอาความรักของเราไปเปรียบกับใคร
ศัตรูตัวฉกาจของความรักคือความเงียบ ใช่ไหมค่ะ เมื่อไม่พูดเราก็ไม่สามารถปรับความเข้าใจกันได้เลย
เรื่องของความรักบางทีมันก็เหนื่อยที่เราจะไปด้วยกัน แต่ก็กลัวว่าจะไม่มีใครพอดีกับชีวิตเราเท่าเขาอีก
บททดสอบที่หนักที่สุดของความรักคือ การนอกใจ แต่บางทีเราต้องขอบคุณมือที่สามที่ทำให้เราผ่านบททดสอบที่หนักที่สุดของชีวิต
การเก็บสิ่งของเล็กๆน้อยๆที่เกี่ยวกับชีวิตประจำวันก็เหมือนกับการเก็บความทรงจำดีดีเอาไว้
ตลอดชีวิตเราสามารถมีเพื่อนได้ทุกวันแต่เพื่อนชีวิตเราต้องใช้ทั้งชีวิตเพื่อตามหา
นอกจากความเฉียบคมของการใช้ภาษาแล้ว หนังสือเล่มนี้จะเป็นตัวช่วยให้รักเรายืนยาวได้นะค่ะ
กามนิต-วาสิฏฐี ฉบับสมบูรณ์ (ใหม่)
5
โดย: มนต์มนัส วันที่เขียนรีวิว: 24 ตุลาคม พ.ศ. 2556

กามนิต-วาสิฏฐี นวนิยายเรื่องนี้จะแนะนำเป็นพิเศษเลยค่ะ สำหรับคนที่กำลังอกหัก (แล้วเขาจะมีอารมณ์มาอ่านหรือเปล่าเนี่ย) ที่บอกอย่างนั้นไม่ใช่จะซ้ำเติมนะค่ะ นวนิยายเรื่องนี้ไม่ใช่นิยายรักหวานแหว๋วแต่อย่างใด นวนิยายเรื่องนี้จะมีเนื้อเรื่องที่เกี่ยวกับความพลัดพรากซะมากกว่าและความพิเศษของการดำเนินเรื่องจะอิงพุทธประวัติและผู้เขียนนำหลักธรรมมาผูกเป็นเรื่องได้อย่างเหมาะเจาะ เรียกได้ว่าครบสูตรในเรื่องนิยายรักเลยล่ะค่ะ
เนื้อเรื่องจะเริ่มจากเมื่อแรกพบสบตาความรักก็บังเกิดแก่สองหนุ่มสาว กินไม่ได้นอนไม่หลับอยู่หลายวันทีเดียว แต่เหมือนโชคชะตาเข้าข้างเมื่อทั้งสองได้พบกันละรักกันสมปราถนา เมื่อมีรักก็ต้องมีจากเมื่อฝ่ายชายต้องกลับบ้านเกิดเมืองนอนทั้งสองรอเวลาที่จะมาพบกันอีกครั้ง และเมื่อวันนั้นมาถึงความปิติยินดีที่จะได้พบคนรักก็พลันมลายหายไปหมดสิ้น เมื่อคนรักของตนได้กลายเป็นเจ้าสาวของชายอื่นไปแล้ว แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าเจ้าสาวนั้นไม่ได้เต็มใจจะแต่งงานแต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากทำใจจากมา ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นบุรุษผู้สง่างามเปลี่ยนนิสัยกลายเป็นเที่ยวเตร่สำมะเลเทเมา
ฝ่ายหญิงเองเมื่อทราบว่าคนรักของตนได้เสียชีวิตแล้วก็ต้องทนทุกข์ปานจะขาดใจอยู่แล้ว ซ้ำร้ายยังต้องถูกบังคับให้แต่งงานกับชายที่ตนไม่ได้รักความทุกข์ก็ยิ่งทวีคูณขึ้นไปอีก ไม่มีทางใดเลยที่จะดับทุกข์ของนางได้นอกเสียจากว่าความโล่งใจที่ชายผู้เป็นสามีที่นางไม่ได้รัก ไม่มาวุ่นวายเหมือนก่อนเพราะเขาได้มีภรรยาเพิ่มอีกคนนั่นเอง นางจึงได้หันหน้าเข้าหาพระธรรมเพียงหวังพึ่งให้ความทุกข์ในใจได้ดับไป แต่ถึงกระนั้นความกระวนกระวายก็ได้กลับมาก่อกวนใจอีกครั้งเมื่อได้รู้ว่าชายอันเป็นที่รักยังมีชีวิตอยู่ ความร้อนใจนี้ถึงกลับทำให้นางใช้คนไปสืบเสาะหาข่าวของชายที่รักแต่คำตอบที่ได้รับกลับไม่เป็นอย่างหวัง ยิ่งทำให้นางทุกข์หนักขึ้นไปอีกจนล้มป่วยลง
การให้มหาโจรที่บัดนี้กลับกลายเป็นสาวกของพระพุทธเจ้าไปสืบหาข่าวชายคนรักของนางในครั้งนั้นเหมือนเป็นการชี้ทางสว่างให้แก่ชายผู้เป็นที่รัก เมื่อเขาได้พบความสงบแบบไม่เคยเจอมาก่อน เหตุเพราะกลัวมหาโจรจะมาทำอันตรายต่อตนและครอบครัวจึงได้ให้ทุกคนย้ายไปอยู่ ณ บ้านบิดาของเขา ในคืนนั้นเองเขาได้ออกเดินทางเพื่อไปเข้าเฝ้าพระพุทธองค์ซึ่งก็คือพุทธเจ้าเพื่อหาทางสงบให้แก่ชีวิต แต่ระหว่างทางเขาได้เสียชีวิตเสียก่อนจึงไม่ได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าดั่งใจปรารถนา
เป็นคู่กันแล้วย่อมไม่แคล้วกัน เมื่อทั้งสองได้มาพบกันอีกครั้งในแดนสุขาวดีด้วยจิตใจที่คิดดี ทำดี ของทั้งสอง เขาและเธอได้ย้อนกลับไปดูอดีตของตัวเองพบว่าทั้งสองเกิดมาคู่กันตลอดแม้จะมีบางชาติที่ต้องพลัดพราก บางชาติสมหวัง เมื่อมี่เกิดก็ต้องมีดับไปเป็นธรรมดา เมื่อหญิงคนรักผู้ซึ่งมีจิตใจที่เข้มแข็งหนักแน่นกว่าได้ดับสลายไป ที่เหลือก็แค่รอเวลาของเขาเท่านั้นเอง
อ่านไปซึ้งไปเลยล่ะค่ะสำหรับเรื่องนี้ไม่รู้ว่าแอบเสียน้ำตากันบ้างหรือเปล่านะค่ะ ถงแม้เรื่องราวจะเศร้าไปหน่อยแต่สุดท้ายก็จบแบบแฮปปี้เอนดิ้งนะค่ะ อยากให้คนอกหักอ่านจริงๆค่ะสำหรับเรื่องนี้จะได้ไม่ทำอะไรที่มันไม่ดีเหมือนพระเอกของเรื่อง นี่แหล่ะค่ะ ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์ มันเป็นสัจธรรม
5
โดย: มนต์มนัส วันที่เขียนรีวิว: 24 ตุลาคม พ.ศ. 2556

พอดีว่าเทอมหน้าจะมีเรียนวิชาภาษาอังกฤษเพื่อนก็บอกว่าไปซื้อหนังสือรู้ทันสันดาน tense มาอ่านสิ เราก็เดินเข้าไปในร้านหนังสือ มองหาหนังสือที่ ชื่อ รู้ทันสันดาน tense ตามคำบอกกล่าวของเพื่อน พอเจอแล้วก็หยิบขึ้นมาดูเลยค่ะ หน้าปกสีสันสดใสดึงดูดใจสุดๆ ผู้เขียนคือ เฑียร ธรรมดา พอพลิกไปปกด้านหลังเท่านั้นแหล่ะ ว้าว มีความคิดเห็นของบินหลา สันกาลาคีรี ด้วยแฮะ ยิ้มเลยค่ะ เพราะความคิดเห็นด้านหลังปกหนังสือเล่มนี้แหล่ะค่ะทำให้ตัดสินใจซื้อเลย เพราะเราก็ต้องใช้อยู่แล้วนิ อีกอย่างมีนักเขียนในดวงใจมาการันตีอีกต่างหาก คุ้มเกินคุ้ม
ซื้อมาแล้วก็ต้องอ่านใช่ไหมค่ะ แน่นอนอ่านแล้วอยากจะบอกมากๆว่าหนังสือเล่มนี้ดีจริงๆค่ะ ตั้งแต่อ่านหนังสือความรู้ภาษาอังกฤษมาไม่มีเล่มไหนที่เข้าใจง่ายและอ่านสนุกเท่านี้มาก่อน คือผู้เขียนจะเล่าเป็นนิทานค่ะ มีการ์ตูนประกอบด้วยนะ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเศรษฐี ที่ชื่อว่า tense มีเมียสี่คน คือ Simple, Continuous, Perfect และ perfect Continuous (คนที่สี่นี้เป็นลูกพี่ลูกน้องกับคนที่สองและสามคือ นางContinuous และนางPerfect) เมียแต่ละคนให้กำเนิดลูกสาวอีกคนละ 3 รวมเป็น 12 (นางสิบสอง) เรื่องราวในเล่มก็จะเป็นเรื่องราวของลูกสาวทั้งสิบสองคนของท่านเศรษฐี รับรองได้ว่าเรื่องราวสนุกสุดๆไปเลยล่ะค่ะไปติดตามกันได้ในเล่มนะค่ะ อ๋อ! ลืมแนะนำลูกสาวของเศรษฐี มีชื่อเรียกไม่ยากค่ะเพราะเศรษฐีตั้งชื่อลูกตามชื่อแม่ มาดูกันดีกว่าว่ามีใครบ้างเรียงตามอายุเลยนะค่ะ Past simple , present Simple, Future Simple , Past Continuous, Present Continuous, Future Continuous, past perfect, present perfect, future perfect, past perfect continuous, present perfect continuousและ future perfect continuous รู้จักชื่อเสียงเรียงนามกันแล้วถ้าใครอยากจะเห็นหน้าค่าตาและรู้จักสันดาน(ผู้เขียนบอกมาแบบนั้น อิอิ) ของลูกสาวเศรษฐีแล้วล่ะก็ติดตามในเล่มกันเลยนะค่ะ
พออ่านจบก็ถึงบางอ้อในทันทีทันใด ใครที่ว่า Tense เป็นเรื่องปวดหัวยากแสนยากขอยกมือคัดค้านด้วยคนนะค่ะ ไม่ยากเลยค่ะ ถ้าคุณได้รู้จักหนังสือเล่มนี้ แล้วคุณก็จะยกมือคัดค้านเหมือนกัน เพราะว่าผู้เขียนได้เฉลยสันดานของtense แบบไม่เหลือหรอเลยล่ะ อีกอย่างชอบหนังสือเล่มนี้ที่ว่าผู้เขียนใช้ภาษาเขียนที่ผ่อนคลายและ ดุบ้างเป็นบางตอนเหมือนคุณครูกำลังสอนตัวต่อตัวเลยล่ะค่ะ ผู้เขียนยังบอกอีกว่าทำไมต้องสันดาน tense ก็เพราะสันดานคืออุปนิสัยที่ฝังลึก เป็นธาตุแท้ เป็นแก่น เป็นธรรมชาติ การรู้ธาตุแท้หรือสันดานของสิ่งใด จะทำให้เราเข้าใจพฤติกรรมที่ปรากฏออกมาภายนอกสิ่งนั้น เมื่อรู้ธาตุแท้ของคนก็เข้าใจพฤติกรรมของคนและตามทัน เมื่อรู้สันดานtense ก็รู้พฤติกรรมและตามทัน tense
ประวัติศาสตร์ศิลปะ
4
โดย: มนต์มนัส วันที่เขียนรีวิว: 17 ตุลาคม พ.ศ. 2556

หนังเล่มนี้นะค่ะผู้อ่านได้ใช้ประกอบการเรียนตอนอยู่ ปี 1(เป็นหนังสือที่ใช้เรียนในระดับอุดมศึกษา) ผู้อ่านเองประสบความสำเร็จมาแล้วจากการใช้หนังสือเล่มนี้ ซึ่งก็คือการคว้าเอา A มาไว้ในครอบครองของวิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ หนังสือเล่มนี้เขียนโดย รองศาสตราจารย์วุฒิ วัฒนสิน ท่านได้รวบรวมเนื้อหาของศิลปะไว้อย่างครอบคลุมในแต่ละยุคสมัยเริ่มตั้งแต่ศิลปะก่อนยุคประวัติศาสตร์ ศิลปะอียิปต์ ศิลปะกรีก ศิลปะโรมัน ศิลปะไบเซนไทน์/โรมาเนสค์ ยุคฟื้นฟูศิลปะวิทยาในอิตาลี ยุคบารอคและรอคโคโค ยุคนีโอคลาสสิก ยุคโรแมนติค ยุคเรียลลิสม์ ยุคอิมเพรสชั่นนิสม์ ยุคนีโออิมเพรสชั่นนิสม์ ยุคโพสต์อิมเพรสชั่นนิสม์ ยุคบุกเบิกศิลปะสมัยใหม่ ลัทธิโฟวิสม์ ลัทธิเอกซเพรสชั่นนิสม์ ลัทธิคิวบิสม์ ลัทธิฟิวเจอริสม์ ลัทธิปิตตุลา เมตาฟิสิกา ลัทธิเซอร์เรียลิสม์ ลัทธิศิลปะนามธรรมบริสุทธ์ ลัทธิดาดาอิสม์ ลัทธิแอบสแตรกท์ เอกซเพรสชั่นนิสม์ ลัทธิป๊อปอาร์ต ศิลปะไคเนติคอาร์ต ลัทธิอ๊อพอาร์ตและศิลปกรรมคอนเซฟชวลอาร์ต
เนื้อหาในเล่มประกอบไปด้วย ประวัติของศิลปะยุคต่างๆ แนวคิดในการสร้างงาน ประวัติศิลปินที่โด่งดังแห่งยุค และภาพผลงานของศิลปะแต่ละยุคสมัยเอาไว้อีกมากมายไม่ว่าจะเป็นภาพจิตรกรรม ประติมากรรมและสถาปัตยกรรม ศิลปะแต่ละยุคสมัยนั้นแตกต่างกันไปตามยุคสมัย ตามสภาวะสังคม แต่จะมีคล้ายๆกันในช่วงยุคแรกๆที่เห็นได้ชัดเลยคือศิลปะกรีกและศิลปะโรมัน การศึกษาประวัติศาสตร์ศิลปะนั้นทำให้เกิดแรงบันดาลใจในการสร้างงานอีกทั้งได้เรียนรู้ประวัติของศิลปินไปในตัวด้วย รวมทั้งเทคนิค แนวคิด ในการสร้างงาน หนังสือเล่มนี้จะมีประโยชน์มากสำหรับผู้ที่ชื่นชอบศิลปะแล้ว เมื่อไปชมงานนิทรรศการต่างๆเราจะสามารถเข้าใจได้ว่าศิลปินสื่ออะไรในภาพและใช้เป็นแนวทางในการสร้างงานของตัวเองได้ด้วย อีกอย่างนะค่ะทำให้เรารู้ว่าบนเส้นทางศิลปินนั้นไม่ได้สวยงามเลยศิลปินในยุคก่อนๆนั้นจะดังหลังจากที่เสียชีวิตแล้วทั้งนั้น อ่านไปก็แอบเศร้าไปค่ะ เรียกได้ว่าหนังสือเล่มนี้อัดแน่นไปด้วยเนื้อหาสาระแบบเต็มเปี่ยมเลยล่ะค่ะ ถ้าไม่อยากพลาด A แล้วล่ะก็หนังสือเล่มนี้ล่ะค่ะช่วยได้จริงๆ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าให้อ่านแต่หนังสือนะค่ะ ความรู้นอกห้องเรียนนั้นสำคัญมากๆเลยล่ะค่ะ ยิ่งเรียนรู้มากประสบการณ์ก็ยิ่งมาก ส่วนหนังสือคือปัญญาค่ะ อีกอย่างนะค่ะอยากจะแนะนำว่าถ้าหากอยากมีแรงบันดาลใจและความรู้ใหม่ๆเพิ่มขึ้นมาผู้อ่านแนะนำว่าให้ไปชมงานนิทรรศการศิลปะค่ะ แรงบันดาลใจใหม่ๆจะเกิด ณ ที่นั่นได้ค่ะ โดยส่วนตัวแล้วผู้อ่านเองชอบงานศิลปะด้านสถาปัตยกรรมมากกว่า เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่มีอยู่จริงและเกิดขึ้นได้จริงๆ ไม่ใช่ด้านอื่นไม่ดีนะค่ะเพียงแต่ว่ามันเป็นความชอบส่วนตัวเท่านั้นเองค่ะ
www.batorastore.com © 2024